เมนู

ก็มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้
ฉันนั้นเหมือนกัน.

อาหารของโพชฌงค์ 7


[364] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายนี้มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้
เพราะอาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ แม้ฉันใด โพชฌงค์ 7 ก็มี
อาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ ฉัน
นั้นเหมือนกัน
[365] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้สติสัมโพชฌงค์
ที่ยังไม้เกิดเกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ธรรมทั้งหลายเป็นที่ตั้งแห่งสติสัมโพชฌงค์ มีอยู่ การกราะทำให้มากซึ่งโยนิ-
โสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหารให้สติสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิดเกิด
ขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์
[366] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ธรรมวิจย
สัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศลและอกุศล ที่มีโทษ และไม่มีโทษ
ที่เลวและประณีต ที่เป็นฝ่ายดำและฝ่ายขาว มีอยู่ การกระทำให้มีซึ่งโยนิ-
โสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหารให้ธรรมวินัยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[367] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้วิริยสัมโพชฌงค์
ที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ความริเริ่ม ความพยายาม ความบากบั่น มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิ-

โสมนสิการในสิ่งเหล่านี้ นี้เป็นอาหารใช้วิริยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น
หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[368] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ปีติสัมโพชฌงค์
ที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ธรรมทั้งหลายเป็นที่ตั้งแห่งปีติสัมโพชฌงค์ มีอยู่ . การกระทำให้มากซึ่งโยนิ-
โสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหารให้ปีติสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิดเกิด
ขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์
[369] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ปัสสัทธิ-
สัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ความสงบกาย ความสงจิต มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิ-
โสมนสิการในความสงบนั้น นี้เป็นอาหารให้ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[370] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย. ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้สมาธิ-
สัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย สมาธินิมิต อัพยัคคนิมิต* มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิ-
โสมนสิการในนิมิตนั้น นี้เป็นอาหารให้สมาธิสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิดขึ้น
หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์
[371] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้อุเบกขา
สัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขาสัมโพชฌงค์ มีอยู่ การกระ
ทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหารให้อุเบกขา-
สัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
* หมายถึงนิมิตแห่งจิตที่มีอารมณ์ไม่ฟุ้งซ่าน.

[372] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายนี้มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้
เพราะอาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ แม้ฉันใด โพชฌงค์ 7 เหล่านี้ก็มี
อาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ ฉัน
นั้นเหมือนกัน.
จบกายสูตร 2

อรรถกถากายสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในกายสูตรที่ 2.
บทว่า อาหารฎฺฐิติโก คือกายนี้ดำรงอยู่ได้เพราะปัจจัย. บทว่า
อาหารํ ปฎิจฺจ ได้แก่ อาศัยปัจจัย. บทว่า สุภนิมิตฺตํ ได้แก่ แม้สิ่ง
ที่งามก็เป็นศุภนิมิต แม้อารมณ์ของสิ่งที่งาม ก็เป็นศุภนิมิต. บทว่า อโยนิโส
มนสิกาโร
ได้แก่ ไม่กระทำไว้ในใจโดยอุบาย คือ กระทำไว้ในใจนอกทาง
ได้แก่ กระทำในใจในความไม่เที่ยงว่าเที่ยง หรือในความทุกข์ว่าสุข ในสิ่ง
ที่มิใช่ตนว่าตน หรือในสิ่งที่ไม่งามว่างาม กามฉันทะย่อมเกิดขึ้นแก่ผู้ยัง
มนสิการนั้นให้เป็นไปอยู่ในสุภารมณ์นั้นโดยมาก. เพราะเหตุนั้น พระผู้มี
พระภาคเจ้าจึงตรัสคำว่า อตฺติ ภิกฺขเว สุภนิมิตตฺตํ ดังนี้เป็นต้น. พึง
ทราบวาจาประกอบในนิวรณ์ในที่ทั้งปวงด้วยประการฉะนี้.